ก่อนจะกลุ้มใจอะไร ลองเผชิญกับความล้มเหลวดูก่อน
หากไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร เกลียดอะไร ทำอะไรได้บ้าง มันก็เริ่มต้นไม่ได้หรอก
ในวันที่ลมแรงของเดือนสิงหาคม
ระหว่างถ่ายรูปกันอยู่บนดาดฟ้าของอาคารแห่งหนึ่ง เป็นเรื่องหาได้ยากที่คาเมร่าแมนจะมีการสนทนา
เมื่อลองเงี่ยหูฟังดูดีๆแล้ว ก็รู้ว่ากำลังคุยกันเรื่องโอลิมปิกอยู่
จริงๆแล้ว ทั้งอินเทอร์เน็ททั้งโทรทัศน์เอง ตั้งแต่เช้าก็เอาแต่ประโคมข่าวเกี่ยวกับโอลิมปิก
หากถามไปว่า "ได้ดูไหม?" คำตอบก็จะเป็น "อื้อ ดูสิ"
เมื่อเปรียบเทียบกับเมื่อ 8 ปีก่อนที่ปักกิ่ง หรือ 4ปีก่อนที่ลอนดอนแล้วหากถามคำถามเดียวกันก็คงจะได้คำตอบกลับมาแค่ "ดูรายงานผลมาจากข่าว"
ความเปลี่ยนแปลงตรงนี้ทำให้ตกใจเล็กๆอยู่เหมือนกัน
"ทั้งกำลังอยู่ในระหว่างทัวร์ด้วย ก็เลยได้มีโอกาสดูพร้อมกับอาราชิเมมเบอร์อยู่บ่อยๆ ผมน่ะจะอินกับว่ายน้ำเป็นเศษ อย่างฮากิโนะ โควสุเกะ กับ เซโตะ ไดยะเอง ก็เป็นทั้งเพื่อนรักเพื่อนแข่งใช่ไหม? สองคนนั้นฝ่าฟันกันเข้ามาจนถึงรอบชิงสุดท้าย แข่งขันกันเอง แล้วก็แบ่งกันไปเหรียญทอง ทองแดงคนละเหรียญ ตอนจังหวะที่พวกเค้าแตะเช้าเส้นชัย ทุกคนน่ะเผลอร้อง "ยัตต้า" ออกมาดังลั่นเลย (ฮา)"
-ทั้งที่ปกติห้องพักจะเงียบเชียบ แต่การมีอะไรแบบนี้ก็แปลกใหม่ดีนะ
กีฬาอื่นก็เหมือนกันนะ ได้ดูยิมนาสติกถ่ายทอดสดก็อินเหมือนกัน จะว่าไปแล้วนี่ก็ได้รู้มาจากข่าวเหมือนกันว่า อิจิโร่ซัง(นักเบสบอลมืออาชีพ เล่นลีคใหญ่) น่ะ hit ไปแล้ว 3000ครั้ง สุดยอดเลยเนอะ พอมีคนไปถามถึงความสำเร็จนี้ เหมือนเขาจะพูดว่า "ครั้งหน้าก็ 4000 ล่ะนะ"
ผมคิดว่า อิจิโร่ซังที่สามารถพูดแบบนี้ออกมาได้น่ะ ก็ดูจะไม่ใช่คนที่จะไม่สนการเก็บสถิติหรอกเนอะ
ถึงที่สุดแล้วจะเป็นแค่สิ่งที่ผมคิดก็เถอะ หากเอาแต่จดจ่อจู้จี้กับสถิติล่ะก็ กลับกันรู้สึกว่าก็คงสื่อออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ล่ะมั้ง
ไม่ได้จำกัดแค่แวดวงกีฬาเท่านั้น โลกมายาเองก็เช่นกัน หากเอาแต่สนใจกับสถิติ เราก็คงจะหลงลืมใส่ใจผู้คนรอบข้าง ผู้เกียวข้องของเราไป
สำหรับอาราชิเองก็ไม่ได้จะสนใจจู้จี้แค่การได้ขึ้นเป็นที่หนึ่ง การขายเพลงได้หลายหมื่นแผ่นหรอก ผิดไปจากนักกีฬาประเภทอิจิโร่ซัง พวกเราน่ะไม่ได้เป็นที่หนึ่งเพราะพลังของพวกเราเพียงลำพังหรอก สตาฟผู้ผลิต และรวมถึงเหล้าผู้คนที่ช่วยกันอุดหนุนต่างหากที่ผลักดันเรามาจนถึงตรงนี้
- จะว่าไป ก็ไม่ได้แค่กับนักกีฬาเท่านั้น เหล่าคนในวงการบันเทิงเอง พรสวรรค์กับความหมั่นเพียรก็เป็นงานที่สำคัญเช่นกันพอพูดแบบนั้น ก็จะมีคนเห็นด้วย แต่ว่า พรสวรรค์กับความหมั่นเพียรน่ะเป็นสิ่งที่ไม่สามารถแยกออกจากกันได้นะ นิโนะได้กล่าวเอาไว้
คนที่มีพรสวรรค์น่ะ มันก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าเป็นคนที่มีความพยายาม ... น่ะนะ วางเรื่องแวดวงอะไรไว้ก่อน
ผมจะพูดถึงว่าคนที่สามารถหมั่นเพียรได้อย่างถูกต้องนั้น คือคนที่สามารถเรียกว่าว่า "คนมีพรสวรรค์"แหละ
ความคิดของผมสำหรับคนที่หมั่นเพียรได้อย่างถูกต้องนั้นก็นคือคนที่กล้าท้าทายต่อไปในสิ่งที่ตัวเองคิดว่าจะทำไม่ได้ หรือ การฟืนคืนมาจากความทุกข์ทนนั้นไม่ใช่ความพยายามนะ
ในความเป็นจริงหากได้ลองทำแล้ว สิ่งนี้น่าจะสามารถทำได้ ทำแล้วสนุกบ้างล่ะ มันก็มีแนวโน้มที่จะชนะ
ให้ใครสักคนมาสอนให้ ยิ่งค้นคว้าก็ยิ่งพัฒนา ก็จะสามารถดำเนินต่อไปได้อย่างสนุกบริสุทธิ์ใจ
มากกว่าการมีแนวทางและการไร้แนวทาง ผมคิดว่าโจทย์มันก็คือการที่เจ้าตัวอยากทำอะไรสักอย่างออกมาจากใจ หรือทำมันได้อย่างเป็นธรรมชาตินั่นแหละ
อิจิโร่ซังน่ะ ถึงจะถูกพูดว่าเป็นคนที่ฝึกซ้อมหวดไม้มากกว่าใครๆก็ตาม บางทีสำหรับเจ้าตัวเอง สิ่งนั้นมันคือสิ่งที่ชัดเจนอยู่แล้ว และบางทีอาจจะไม่คิดก็ได้ว่านั่นคือความหมั่นเพียรที่มากกว่าปกติล่ะมั้ง
- นั่นน่ะ สำหรับงานแสดงหรืองานไอดอลแล้วก็เป็นเรื่องเดียวกัน ด้วยประสาทสัมผัสแล้วลางสังหรณ์และการจัดการเรื่องราวที่ทำได้ดีแบบนิโนะนั้น มักถูกคิดว่าเป็นคนที่มีพรสวรรค์พร่างพรู ถูกจัดเอาไว้ในพวกอัจฉริยะ...
อันนั้นอะนะ ผมคิดว่าความหมั่นเพียรในตัวเองของผมที่ทำมานั่นแหละ แต่ว่า เพราะมันสนุกที่ได้ทำไงเลยไม่ได้ให้ชื่อเรียกมันว่า "ความหมั่นเพียร" แค่นั้นแหละ
ก่อนที่จะเอาความกังวลไปปรึกษาใครนั้น ก่อนอื่นก็ลองเอาประสบการณ์กับความล้มเหลว(ของตัวเอง)มาซ้อนทับกันก่อน
งั้นจะทำยังไงกับคนที่รู้สึกไปด้วยกันไม่ได้เลยกับงานนี้ รู้สึกเบื่อกับมันจนดึงความพยายามออกมาไม่ได้เลย หรือ กับคนที่ไม่มีความตั้งใจดี?
อืมมม เอาจริงๆแล้ว ก็รู้สึกถึงความกังวลแม้จะเล็กๆน้อยๆอะนะ คนที่ดึงความพยายามออกมาไม่ได้ไม่ว่าจะกับวิชาชีพหรือสถานที่ทำงานนั้น การเปลี่ยนงานก็ดูจะเป็นวิธีแก้ไขที่เรียบง่ายดี
แต่ก่อนจะเป็นแบบนั้น ก็อยากให้เข้าใจตัวเองก่อนว่า ตัวตนเราชอบอะไร เกลียดอะไร ทำอะไรได้ ทำอะไรไม่ได้บ้างก่อนแล้วหรือยัง?
ซึ่ง ถ้ายังไม่เข้าใจในส่วนนั้น มันก็หมายความว่าตัวเรามันยังขาดค่าประสบการณ์อยู่อีกมากล่ะมั้ง งานเองก็เป็นอะไรแบบนั้นนั่นแหละ
การหยั่งรู้ความสามารถในตัวเองนั้น ก่อนอื่นเลยก็ต้องลองทำและล้มเหลวให้มากๆ
ในโลกของเกมออนไลน์เองก็มีอยู่มากเหมือนกันนะ พวกคนประเภทที่ว่าต้องเข้ามาถามถึง "ช่วยเฉลยเกมให้หน่อยสิ"ทันทีน่ะ
แต่ก่อนได้คำถาม ผมก็จะถามก่อนว่า เธอเล่นเกมนั้นมาแล้วกี่ชั่วโมงกัน?
ถ้ามาตอบว่าเล่นไปแค่พันกว่าชั่วโมงล่ะก็ ก็อย่าหวันจะได้คำตอบจากผมเลย (ฮา)
ก่อนอื่นเลยอะ ถ้าลองเล่นมันเป็นพันๆชั่วโมงก่อนละก็ มุมมองเอยสิ่งที่ทำได้เอยมันจะเปลี่ยนไป
เรื่องนี้น่ะมันครอบคลุมทั้งการทำงานการใช้ชีวิตเลยนะ
หากถมสั่งสมประสบการณ์เข้าไปเยอะๆ ต่อให้ไม่คิดว่ามันจะเปลี่ยนแปลง แต่สักวันหนึ่งการเปลี่ยนแปลงมันจะมา
-กับงานก็ท้าทายและผิดพลาดจนได้ประสบการณ์มาจนสามารถพูดได้ก็จริง แต่ว่า ชีวิตส่วนตัวที่เอาแต่เก็บตัวอยู่ในบ้านไม่ยอมเปลี่ยนนั่นล่ะ?
ก็นั่นสินะ ก็ยังกกตัวอยู่ในบ้านไม่เปลี่ยนนั่นแหละ แต่ว่า บางทีสิ่งนั้นก็อาจเปลี่ยนไปอย่างธรรมชาติ บางทีผมอาจเริ่มออกไปเที่ยวกลางคืนข้างนอกปุบปับก็ได้
ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ตั้งใจคิดว่าจะเปลี่ยนแปลงมันก็ตาม แต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะอยู่โดยไร้การเปลี่ยนแปลงนะ
ตรงนั้นน่ะ เป็นสิ่งที่คาดคะเนไม่ได้ล่ะน้า (ฮา)
แปลผิดแปลถูกขออภัย ผิดโปรดบอก
เมนชอบมาแนวปรัชญาชีวิต